
ตัวบอกเหตุ..สิ่งควรสังเกตุก่อนการลงทุน?
ผู้เขียน: ดร.พีรพล ประเสริฐศรี
แหล่งเผยแพร่: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ 8 กรกฎาคม 2553
ปลาหมึกพอล
ณ นาทีนี้ “ตัวบอกเหตุ” ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าที่โด่งดังที่สุด หนีไม่พ้นเจ้า“พอล” ปลาหมึกยักษ์ 8 หนวด อายุ 2 ขวบ ที่มีบ้านเกิดอยู่ที่อังกฤษ ของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในเมือง Oberhausen ประเทศเยอรมนี ครับ
ในมหกรรมฟุตบอลโลก 2010 นี้ เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ได้จัดให้เจ้าหมึก “พอล” ทำนายผลการแข่งขันของทีมชาติเยอรมันกับทีมคู่แข่ง ด้วยการเลือกกินอาหาร (หอยตระกูลเดียวกับหอยแมลงภู่) จากกล่อง 2 กล่องที่ติดด้วยธงชาติเยอรมันและชาติคู่แข่ง หากพอลเลือกกินจากกล่องใด ก็แปลว่า “เจ้าพอล” เลือกทีมนั้นให้เป็นผู้ชนะ
ตั้งแต่รอบคัดเลือกเป็นต้นมา ทีมชาติเยอรมันลงเล่นมาเป็นจำนวน 5 นัด ได้แก่ รอบคัดเลือก 3 นัด รอบ 16 ทีมที่พบกับอังกฤษ และรอบ 8 ทีมที่พบกับอาร์เจนติน่า ผลปรากฏว่า เจ้าหมึกพอล สามารถทำนายผลการแข่งขันได้ถูกต้องทั้ง 5 นัด หรือ 100% เต็ม โดยทั้ง 5 นัดนี้ เยอรมันก็ไม่ได้ชนะรวดทั้ง 5 นัด นะครับ เนื่องจาก มีนัดที่ไปแพ้เซอร์เบีย 1-0 ในรอบคัดเลือก ด้วย
สำนักข่าวต่าง ๆ เช่น AP และ BBC ต่างยกย่องให้ “หมึกพอล” เป็น Oracle (หมึกผู้หยั่งรู้) บ้าง เป็น Psychic (หมึกพลังจิต) บ้าง แฟนบอลอังกฤษบางรายถึงขนาดเขียนด่า “เจ้าพอล” ในเว็ปไซด์ว่าเป็นหมึกทรยศ เมื่อครั้งในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ไปทำนายให้เยอรมันชนะประเทศบ้านเกิดของตัว
บ้าไปกว่านั้น ก่อนที่เจ้าพอลตัวจริงจะทำการพยากรณ์ผลนัดรองชนะเลิศระหว่าง สเปน-เยอรมัน เพื่อแกล้งให้แฟนบอลเยอรมันขวัญเสีย มีแฟนบอลไม่ทราบสัญชาติ (ก็น่าจะเป็นสเปน) ตัดต่อภาพให้ “หมึกพอล” เลือกทีมสเปน แล้วนำเผยแพร่ลงอินเตอร์เน็ต จนทางพิพิธภัณฑ์ต้องออกมาปฏิเสธว่า “พอล” ยังไม่ได้ทำการพยากรณ์แต่อย่างใด
แต่ท้ายที่สุด ผลพยากรณ์อย่างเป็นทางการก็ออกมาว่า “เจ้าพอล” ได้เลือกทีมสเปนให้เป็นผู้ชนะในแมทช์รอบรองคืนนี้จริง ๆ แน่นอนว่าคำทำนายดังกล่าวเป็นที่ขัดใจของชาวเยอรมัน โดยเฉพาะกับกุนซือ โยอัคคิม เลิฟ และขุนพลเยอรมันได้ข่าวว่ากำลังใจหายไปพอสมควร คงต้องรอลุ้นผลกันคืนวันที่ 7 ครับว่าผลจะเป็นอย่างไร ซึ่งหากผลเป็นไปตามคำทำนายแล้วละก็ สวัสดิภาพของ “เจ้าพอล” ก็คงน่าเป็นห่วงครับ
Hemline Index
ในโลกของการการลงทุน ก็มี “ตัวช่วยบอกเหตุ” ในทำนองของ “เจ้าพอล” เหมือนกัน เช่น ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1926 (พ.ศ. 2469) นักวิเคราะห์หุ้นชื่อว่า George Taylor ได้ริเริ่ม Hemline Index ขึ้นมาเพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างกัน “สภาพตลาดหุ้น” กับ “ระดับชายกระโปรงของผู้หญิง” หรือ Hemline ในช่วงเวลาเดียวกัน กล่าวคือเมื่อใดที่ “กระโปรงยาว หรือ ชายกระโปรงต่ำ” เป็นที่นิยม สภาพดัชนีหุ้นในช่วงเวลานั้นก็จะตกต่ำตามไปด้วย ในขณะที่ช่วงใดที่ กระโปรงสั้นเป็นที่นิยม (ระดับชายกระโปรงสูง) ช่วงนั้นสภาพดัชนีตลาดหุ้นก็จะปรับตัวสูงขึ้นไปด้วย
The Wall Street Journal รายงานว่า ดัชนี “ชายกระโปรง” นี้สามารถพยากรณ์สภาวะตลาดหุ้นได้ถูกต้องในช่วงทศวรรษที่ 1920 ช่วงที่กระโปรงสั้นเป็นที่นิยม ตลาดหุ้นก็เฟื่องฟู ก่อนที่ตลาดจะตกต่ำลงอย่างมากในช่วง Great Depression ทศวรรษ 1930 ซึ่งเป็นช่วงที่กระโปรงยาวหันกลับมาฮิตกันมากในช่วงนั้น อีกทั้ง สามารถพยากรณ์สภาพตลาดได้ถูกต้องในช่วงทศวรรษ 1960 ที่ตลาดหุ้นกลับมาบูมอีกครั้งในเวลาเดียวกันกับกระโปรงสั้น และช่วงตลาดหุ้นตกต่ำในปี ค.ศ.1987 ที่กระโปรงยาวเริ่มกับมานิยมอีก (อ่านเพิ่มเติมจาก “Hemlines Are Dropping. Sell Everything” WSJ.com, September 6, 2007)
Super Bowl Indicator
ถัดมาจาก ดัชนีชายกระโปรง “ตัวบอกเหตุ” โด่งดังมากอีกตัวในสหรัฐอเมริกา ก็คือ ผลการแข่งขันซุปเปอร์โบลว์ หรือที่รู้จักกันดีในนามของ Super Bowl Indicator ที่ระบุว่า หากในปีใด ทีมผู้ชนะซุปเปอร์โบลว์มาจากสาย Original National Football Conference (NFC) หรือ NFC ดังเดิม (เช่น ทีม Green Bay Packers หรือ Dallas Cowboys) ตลาดหุ้นในปีนั้นจะมีแนวโน้มที่จะสดใส ในขณะที่หากปีใด ทีมจากสาย Original American Football Conference (AFC) หรือ AFC ดั้งเดิม เป็นผู้ชนะ (เช่น Denver Broncos หรือ New England Patriots) ก็มีแนวโน้มว่าตลาดหุ้นในปีนั้นมีแนวโน้มจะตกต่ำ
The Wall Street Journal รายงานได้ว่า ถึงแม้ว่าในช่วงเวลา 4-5 ปีมานี้ เจ้าดัชนีซุปเปอร์โบลว์นี้จะผิดพลาดไปบ้าง แต่โดยรวมแล้ว Super Bowl Indicator สามารถพยากรณ์ได้แม่นยำถึง 79% หรือ ทำนายถูก 34 จาก 43 ครั้ง รวมถึงปีที่แล้ว (อ่านเพิ่มเติมจาก “Super Bowl Indicator Says Stocks to Rise” WSJ.com, January 28, 2010) สำหรับปีนี้ ผู้ชนะคือ New Orleans Saints จากสาย NFC ระบุถึงคำทำนายว่าปีนี้ตลาดหุ้นปีนี้น่าจะสดใส ก็คงต้องรอลุ้นจนถึงปลายปีว่าตลาดจะสดใสจริงตามนั้นหรือไม่
Golden & Death Cross
เป็น “ตัวบอกเหตุ” ที่เกิดจากการตัดของเส้นค่าเฉลี่ยของราคาย้อนหลัง 50 วัน (50-day MA) กับเส้นค่าเฉลี่ยของราคาย้อนหลัง 200 วัน (200-day MA) ที่นิยมกันมากในการวิเคราะห์ทางเทคนิค จุดตัดนี้จะบอกถึงแนวโน้มของตลาดในอนาคต มี 2 ประเภท คือ Golden Cross หรือ “จุดตัดทองคำ” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเส้น 50-day MA ตัดขึ้นผ่าน เส้น 200-day MA แสดงถึงแนวโน้มที่สดใสของตลาดในช่วงเวลาข้างหน้า อีกตัวหนึ่งคือ Death Cross หรือ “จุดตัดมฤตยู” ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเส้น 50-day MA ตัดลงผ่าน เส้น 200-day MA แสดงถึงแนวโน้มในอนาคตที่มืดมนของตลาด
โดย ณ วันที่ 6 ก.ค. 53 นี้ เกือบจะเกิด Death Cross ขึ้นในกราฟของดัชนี Dow Jones และ ดัชนี S&P 500 แล้ว (หลังจากที่ได้เกิดขึ้นมาแล้วกับดัชนี Nikkei 225 ของญี่ปุ่นมาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว) นักลงทุนในตลาดคงต้องคอยติดตามสภาพตลาดอย่างใกล้ชิด และเมื่อ Death Cross เกิดขึ้นกับดัชนีหลักทั้ง 2 แล้ว คงต้อรอลุ้นว่าแนวโน้มของตลาดจะเป็นไปอย่างที่ทำนายไว้หรือไม่
ท้ายนี้ ไม่ว่า “ตัวบอกเหตุ” จะบ่งชี้ออกมาเป็นอย่างไร คงต้องยอมรับกันว่าเรื่องราวในอนาคต อะไรก็เกิดขึ้นได้ครับ เหมือนอย่างคำที่ว่า “ความแน่นอนคือความไม่แน่นอน” ซึ่งสภาวการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างเช่นปัจจุบันนี้ นักลงทุนทุกท่านควรลงทุนด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งครั
ตัวบอกเหตุ..สิ่งควรสังเกตุก่อนการลงทุน?,ซื้อ-ขาย,ซื้อขาย,